Cut พี่นาวาต้องฟังผม




ผมหอบหายใจสั่นเครือ ในหัวเต็มไปด้วยความคิดมากมายในตอนที่ปลายจมูกของฐานทัพซุกแนบเข้าหาซอกคอ เขินและรู้สึกกลัวเพราะผมไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลยแม่แต่น้อย นอนตัวเกร็งปล่อยให้ฐานทัพได้ทำตามใจชอบอย่างไม่คิดที่จะห้าม
     ผมคิดถูกแล้วหรือเปล่า
     ถ้าผมทำมันไม่ดีพอล่ะ เกิดว่าฐานทัพไม่ถูกใจ น้องจะเลิกกับผมไหม
     คิดถึงตรงนี้แล้วก็เกิดอาการกลั้นหายใจขึ้นมา
     “นาวา พี่เป็นอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยเย้า ริมฝีปากร้อนขบเม้มลงบนหูผมแผ่วเบาก่อนที่น้องจะผละออกเพื่อสบตากับผม เจ้าเด็กขมวดคิ้วเลื่อนสายตาลงมองสำรวจ “ผมรู้สึกว่าพี่กำลังเกร็ง ถ้ากลัวผมจะไม่ทำต่อ”
     “ไม่ พี่ไม่ได้กลัว”
     “นาวา”
     “พี่ไม่ได้กลัวจริงๆ แค่คิดว่า..จะทำให้ฐานทัพพอใจไม่ได้” ตอบแต่ผมก็ไม่กล้ามองหน้าน้อง จนกระทั่งเสียงหัวเราะดังขึ้น ผมกำลังจะถามว่าฐานทัพหัวเราะอะไร แต่น้องก็ชิงแนบริมฝีปากลงมาเสียก่อน ความร้อนนุ่มบดขยี้หนักหน่วงจนผมหายใจตามไม่ทัน สะดุ้งเฮือกทุกครั้งที่ถูกดูดดึงริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บ
     ปากผมเริ่มชา สะดุ้งสุดตัวเมื่อฐานทัพกดคลึงปลายนิ้วลงบนแผ่นอกผม ตรงนั้น..มัน เจ้าเด็กจะทำตามใจเกินไปหรือเปล่า
     แต่ผมก็พูดห้ามน้องไม่ออก
     พออ้าปากก็มีเพียงแค่เสียงร้องฟังดูน่าอายหลุดออกไปเท่านั้น
     “ฐานทัพ อ๊ะ เบา เบาๆ หน่อย” นิ้วน้องออกแรงเยอะไปแล้ว บีบคลึงจนผมสะดุ้งตัวลอย สัมผัสแบบนี้มันแปลกใหม่ไปหมด 
     แปลกแบบที่ผมรู้สึกชอบ
     ช่วงล่างร้อนผ่าวไปหมดแล้ว ผมรู้สึกว่าเจ้าน้องชายกำลังแข็งขืนลุกขึ้นมา เพราะมีอารมณ์มากๆ ใช่ไหม ไบร์ทบอกมาว่าแบบนั้น ความรู้สึกเหมือนตอนอยากจะเข้าห้องน้ำเลย ยิ่งถูกฐานทัพสัมผัสมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกปวดมากขึ้นเรื่อยๆ อยากที่จะปลดปล่อยออกไปแต่ก็คิดว่ามันน่าอายถ้าหากผมปล่อยออกมาตอนนี้
     “พี่ ..เหมือนจะปวดฉี่ อึก ฐานทัพจะทำอะไร!” ผมเบิกตาโต จ้องมองเจ้าเด็กที่ตอนนี้กำลังสัมผัสลงบนน้องชายของผมเต็มไม้เต็มมือ ฐานทัพขยับมันและนั่นทำให้ผมร้องเสียงหลง น้ำตาซึมออกมา
     “พี่ไม่ได้ปวดฉี่ ผมจะทำให้”
     “ทะ ทำอะไร อ๊า มัน..อื้อ ฐานทัพหยุดมือก่อน”
     ถ้าไม่หยุดผมต้องปล่อยมันออกมาแน่ๆ 
     ทั้งที่ปากบอกให้น้องปล่อย แต่สะโพกของผมกลับขยับตามแรงมือซะอย่างนั้น นิ้วทั้งสิบขยุ้มลงบนเตียงเพื่อข่มกลั้นอารมณ์ที่คล้ายจะสุขถึงที่สุด 
     “หยุด พี่ไม่ไหวแล้ว ฐานทัพ อึก!”
     ผมปล่อยออกไปแล้ว
     ฐานนทัพยังคงกำน้องชายของผมเอาไว้ในมือ ทั้งบีบและนวดจนผมห้ามเสียงตัวเองไม่ได้ ร่างกายสั่นกระตุก บิดเร่าไปมาขณะที่ฐานทัพยังคงไม่หยุดสัมผัสผม ปลายนิ้วที่เปรอะเปื้อนของเหลวกดย้ำลงมาตรงช่องทางที่ด้านหลัง
     มันกำลังจะเริ่มแล้วใช่ไหม
     เรื่องนี้ไบร์ทก็บอกกับผมเองเช่นกัน ผมเลยไม่ได้ตกใจในตอนที่ฐานทัพกดนิ้วแทรกเข้ามาในกาย เพียงแค่กลั้นหายใจและเกร็งตัวขึ้นมาเท่านั้น พอผ่านไปสักพักผมก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก รับรู้ถึงนิ้วที่ขยับอยู่ในช่องทางชัดเจน
     “เจ็บหรือเปล่า”
     “อื้อ จะ เจ็บสิ แต่พี่ทนได้”
     “ไม่อยากให้ทน ถ้าพี่ไม่ไหวก็บอกผม ผมจะหยุดทันทีไม่ว่าผมจะทำถึงขั้นไหนแล้วก็ตาม” ใดๆ ก็ตามแต่ ฐานทัพจะพูดไปขยับนิ้วดันเข้ามาในร่างผมไปแบบนี้ไม่ได้ ความเสียวที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างทำให้ผมไม่อยากให้หยุด มันเป็นสัมผัสที่แปลกก็จริง ผมเจ็บนั่นก็จริง แต่ผมต้องการให้น้องทำต่อไป
     ฐานทัพผละออกไป น้องลุกเดินไปหาอะไรสักอย่างก่อนจะกลับมาพร้อมหลอดเจลสีขาวและกล่องสี่เหลี่ยมเหล็กๆ 
     ถุงยางอนามัย..
     ไม่บอกไม่กล่าวสิ่งใด เจ้าเด็กแกะและสวมมันลงบนกายที่ตั้งตรงของตัวเองทันที จากนั้นก็ตามด้วยเจลที่ถูกยีบลงไปจนชุ่มในฝ่ามือ ฐานทัพใช้มือขยับรูดแก่นกายของตัวเองก่อนจะแทรกเข้ามาตรงระหว่างขาของผม
     “ถ้าเจ็บพี่ต้องบอกผม” 
     “เจ็บ”
     “ผมยังไม่ได้ใส่เข้าไปเลย” ฐานทัพขมวดคิ้วตีหน้าดุ ส่วนผมก็ได้แต่ตีมึนส่งยิ้มออกไป ก็แค่หยอกเล่นเท่านั้นเอง
     อ๊ะ!
     ผมว่ามันไม่เล่นแล้วล่ะ
     เจ็บ เจ็บจริงๆ ด้วย ตอนแรกผมก็คิดว่ามันคงไม่เจ็บเท่าไหร่ ไบร์ทอาจจะแค่แกล้งพูดให้กลัว แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันเจ็บจริงๆ อึดอัดไปหมด ยิ่งฐานทัพดันกายเข้ามามากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด 
     “พี่รู้สึกยังไง”
     “อึดอัดมากเลยฐานทัพ” ผมส่ายก้นไปมา หวังว่ามันจะช่วยลดความรู้สึกอึดอัดนี้ได้บ้าง แต่ฐานทัพกลับเชิดหน้าขึ้นส่งเสียงร้องแหบพร่าออกมา เจ้าเด็กฉายแววดุดันผ่านทางสายตาแวบหนึ่งในช่วงที่เราสบตากันอยู่ 
     ฐานทัพรั้งสะโพกผมก่อนจะจับแน่น น้องค่อยๆ ดึงแก่นกายถอยออกไปก่อนจะดันกลับเข้ามาสุดอีกครั้ง 
     ทำแบบนั้นอยู่สองสามครั้ง น้องคงกำลังสร้างความเคยชินให้กับทั้งผมและตัวเองอยู่  
     พอผ่านไปไม่นานความถี่ก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น ผมส่งเสียงร้องออกมาในตอนที่หน้าขาของอีกฝ่ายกระแทกเข้าใส่ ฐานทัพเท้าแขนลงบนที่นอน น้องเหงื่อไหลไปทั้งหน้าในตอนที่ก้มลงมามองผม ในตอนนี้ไม่มีหลงเหลืออยู่อีกแล้วสติในการยับยั้งตัวเองของผม
     ยกมือขึ้นไปกอดเกี่ยวรอบต้นคอของน้อง ปล่อยให้อีกฝ่ายโถมกายใส่เข้ามาเต็มที่ แม้ฐานทัพจะมีติดขัดบ้างในบางครั้ง แต่ผมกลับไม่สนใจตรงจุดนั้นเลย เพราะผมเองก็ไม่ได้ต่างอะไรกับน้องเลย 
     เรื่องพวกนี้ไกลตัวมากๆ จนกระทั่งมาวันนี้
    ใกล้จนชิด เบียดจนเข้ามาอยู่ข้างใน..
     “เจ็บหรือเปล่า”
     “ไม่เจ็บ อ๊ะ พี่ชอบมากเลย” ผมเอ่ยบอกไป ตาปรือขึ้นมองสบตากับคนด้านบนที่หยุดชะงัก เห็นฐานทัพกัดฟันแน่น น้องถอนกายผลออกไปและไม่รอให้ผมได้พูดอะไรฐานทัพก็ขัดการจับผมนอนคว่ำลงทันที แขนแกร่งสอดเข้ามารั้งสะโพกขึ้นก่อนที่น้องจะแทรกกายเข้ามาอีกครั้ง 
     ต่างแค่มันรุนแรงขึ้น เสียงที่ก้นของผมกระทบกันกับต้นขาน้องนั้นก้องดังอยู่ในหัว ในตอนนี้ผมเริ่มไม่เจ็บเท่าไหร่แล้ว ความรู้สึกเสียวซ่านมันกลืนกินผมไปหมด
     ผมซุกหน้าลงหมอน ร่างโยกคลอนไปตามแรงกระแทกจนหัวหมุนไปหมด
     ฐานทัพแรงดีจริงๆ 
     “อื้อ! พี่ไม่ไหว อ๊ะ” บอกไปเสียงเบา และน้องคงไม่ได้ยินเสียงผมเพราะว่ามันไม่ได้ดังมาก อีกทั้งยังดังอู้อี้อยู่ใต้หมอนอีกต่างหาก มือเลื่อนไปจับน้องชายตัวเองขยับขึ้นลงอย่างที่ฐานทัพทำให้ผมในตอนแรก
     ไม่นานของเหลวในกายก็ถูกพ่นออกมา
     ผมทรุดกายนอนลงส่งผลให้ฐานทัพต้องรั้งให้ผมลุกขึ้นมา แผ่นหลังของผมแนบชิดไปกับอกน้อง ฐานทัพขยับกายนุ่มนวลขึ้น น้องค่อยๆ ทำมันราวกับว่ากลัวผมจะเจ็บ ซึ่งการทำแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาไม่ต่างกัน
     หยาดเหงื่อบนกายที่แนบชิดนั้นปะปนกันจนแยกไม่ออก 
     สะโพกแกร่งบดเบียดเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ฐานทัพส่งเสียงหายใจหนักหน่วงอยู่ที่ข้างหูผม น้องเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ และถอดเอาแก่นกายออกไปในช่วงสุดท้าย 
     ผมมึนงงไปหมด รู้สึกถึงของเหลวอุ่นๆ ที่กระจายลงมาบนแผ่นหลังและช่วงก้น แต่ก็ไม่มีแรงจะหันกลับไปมอง นอนหอบฮักปิดเปลือกตาลงตั้งใจว่าจะไม่รับรู้อะไรอีกจนกระทั่งฐานทัพแนบกายตามลงมา
     เสียงหายใจของเราประสานกัน ฐานทัพจูบแก้มผมก่อนที่จะก้มลงจูบบนไหล่ต่อ
         

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

CUT ไดโนซอร์รัก (บทที่ 25)

CUT ไดโนซอร์รัก (บทที่ 29)

CUT ฉลามไม่กินเนื้อ : 20